บทความเนื้อหาต่างๆ

VRF-System

การติดตั้งเครื่องปรับอากาศ VRF

ปัจจุบันเครื่องปรับอากาศถือเป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าจำเป็นต้องมีติดบ้านแบบทุกครัวเรือน รวมถึงภาคธุรกิจ ร้านค้าขนาดย่อม ขนาดใหญ่ หน่วยงานราชการ โรงงานอุตสาหกรรม และอื่นๆ เนื่องด้วยสภาพอากาศประเทศไทยที่ร้อนอบอ้าวขึ้นในทุกๆปี... การมองหาเครื่องปรับอากาศที่ใช้งานได้ดี ทนทาน คุ้มค่าในระยะยาวเป็นเรื่องสำคัญที่ผู้บริโภคคาดหวังว่าจะได้รับเมื่อมีการซื้อเครื่องปรับอากาศไปใช้งานทั้งนี้เครื่องปรับอากาศจะใช้งานได้ดี ทนทาน และคุ้มค่าในระยะยาวหรือไม่นั้นจะขึ้นอยู่กับ 2 ปัจจัยหลัก คือ คุณภาพของสินค้าที่ดี และ ความรู้ความชำนาญการของช่างผู้ติดตั้ง

 

1.การเลือกใช้วัสดุอุปกรณ์ที่ได้มาตรฐานสำคัญสำหรับการติดตั้ง

   1.1ท่อทองแดง (Copper Tube) ท่อทองแดงที่ใช้จะมี 2 แบบคือ แบบม้วน (Pancake Coil) และแบบเส้น (Hard Drawn Type) ต้องเลือกความหนาและขนาดท่อให้ตรงกับที่เจ้าของผลิตภัณฑ์กำหนด เพื่อให้สามารถทนแรงดันที่เกิดขึ้นตอนใช้งานได้ทั้งในสภาวะปกติและสภาวะที่ผิดปกติ... ในสภาวะปกติการทำงานของระบบ VRF จะมีแรงดันภายในท่อประมาณ 350-500 psi ขึ้นอยู่กับรอบการทำงานของคอมเพรสเซอร์ ส่วนสภาวะผิดปกติ จะเกิดจากสาเหตุระบบท่อน้ำอุดตัน หรือระบายความร้อนไม่ได้ จะทำให้แรงดันภายในท่อสูงขึ้นมากกว่า 500 psi (ระบบ VRF จะมีการตัดการทำงานถ้าแรงดันสูงถึง 580-600 psi)

   1.2ฉนวนหุ้มท่อ (Pipe Insulation) จะเป็นฉนวนแบบชนิดไม่ลามไฟ (Closed Call Elastomeric Thermal Insulation) ที่มีความหนาไม่น้อยกว่า ½ หรือตามที่เจ้าของผลิตภัณฑ์กำหนด เนื่องจากภายในท่อจะมีความเย็นส่งผ่านออกมาภายนอก ฉนวนหุ้มท่อที่ได้ตามาตรฐานที่กำหนดจะสามารถป้องกันการเกิดหยดน้ำเกาะที่ท่อได้

2.ขั้นตอนการติดตั้งโดยทั่วไป ขั้นตอนการติดตั้งแบบมาตรฐาน จะเป็นไปตามรูปด้านล่างนี้

 vrfChart

 

3.งานติดตั้งท่อน้ำยาระบบ VRF มี 3 สิ่งที่ต้องหใความสำคัญ

  3.1ความสะอาดของท่อน้ำยา ต้องรักษาความสะอาดของท่อน้ำยาไม่ให้สิ่งแปลกปลอมหรือสิ่งสกปรกหลงเหลืออยู่ภายในท่อน้ำยา หากมีสิ่งแปลกปลอมหรือสิ่งสกปรกหลงเหลือในท่อน้ำยา จะไปทำให้การทำงานของ EEV หรือ Electronic Expansion Valve (วาล์วควบคุมปริมาณสารทำความเย็นอัตโนมัติ) ทำงานผิดปกติได้

  3.2คาวมทนต่อแรงดันอากาศได้ตามค่ากำหนด เพื่อให้แน่ใจว่าเมื่อเครื่องปรับอากาศได้เดินเครื่องแล้วจะไม่มีการรั่วไหลของน้ำยาออกนอกระบบ ฉะนั้นหลังการเชื่อมต่อท่อน้ำยาในสถานภาพต่างๆแล้ว จะต้องมีการทดสอบความดันของอากาศในระบบท่อน้ำยานี้ให้ทนความดันได้ตามข้อกำหนดของบริษัทเจ้าของผลิตภัณฑ์

  3.3ความแห้ง (ปราศจากความชื้น) ถ้ามีความชื้นอยู่ในระบบจะทำให้ EEV เกิดการเป็นน้ำแข็ง จำเป็นต้องทำให้มั่นใจว่าในระบบท่อน้ำยาไม่มีอากาศหลงเหลืออยู่ โดยดูดอากาศออกจากระบบด้วยเครื่องมือดูดสูญญากาศ (Vacuum Pump) ตามข้อกำหนด
หมายเหตุ : การใช้เวลาดูดไม่เพียงพออาจจะทำให้เกิดการอุดตันของฟิลเตอร์ และสร้างความเสียหายให้กับคอมเพรสเซอร์ได้

เครดิต บริษัท เซ็นทรัลแอร์ (ประเทศไทย) จำกัด (บทความจาก วารสารสมาคม ผู้ค้าเครื่องปรับอากาศไทย Thai Air Conditioning Traders Association (T.A.T.A)

 

 

มาตรฐานการตรวจวัดเครื่องปรับอากาศหลังการติดตั้ง ทางบริษัท สยามแอร์คอนดิชั่น จำกัด ได้มีมาตรฐานในการตรวจวัดความเย็นของเครื่องปรับอากาศดังนี้

1. ตรวจวัดระดับน้ำยา หากเป็น R32 จะต้องอยู่ที่ 140-150 ปอนด์
2. ตรวจรั่วที่จุดเชื่อมต่อด้วยผงซักฟอกผสมน้ำหรือน้ำยาล้างจาน ตรงจุดที่เรียกว่าแฟร์ จะต้องมีการขันให้แน่นและไม่ให้ไหลรั่วซึม
3. เมื่อติดตั้งเสร็จจะทดสอบความเย็นด้วยการเปิดที่อุณหภูมิปกติที่ 22-25 องศา และรอ 5 นาที ตรวจเช็คด้วยการยิงด้วยปืนยิงอุณหภูมิเลเซอร์ วัดที่ส่วนลมส่งออก จะต้องได้ประมาณ 16-18 องศา หลังจากนั้น สัก 15-30 นาที ยิงที่ตัวดูดลมเข้า จะเป็นอุณหภูมิห้องที่ปรับได้ตามรีโมท ปกติค่าจะไม่ต่างมาก จะอยู่ที่ +- 2 ถึง 5 องศา
4. เช็คปลายท่อน้ำทิ้งต้องมีน้ำไหล เช็คภายในและแนวท่อ ต้องไม่มีน้ำรั่วซึม
5. ตรวจเช็คความเรียบร้อยของงาน หากมีปิดคลุมด้วยรางครอบท่อ จะตรวจเช็คตามรอยต่อต้องปิดมิดชิด
6. ช่องปิดจะต้องทำการโบกปิดด้วยอคลิลิค หรือปูนยาแนวให้เรียบร้อยเพื่อไม่ให้รูจากภายนอก

เท่านี้ก็ถือว่า QC ทั้งงานติดตั้งและตัวเครื่องปรับอากาศผ่านแล้วค่ะ

 

247000 247004 247007
461708 461716
     

รปภาพ2

(https://unsplash.com/photos/JUAVCUMY008)

 

รวมมิตร 6 แบรนด์เครื่องปรับอากาศชั้นนำประจำปี 2022

เครื่องปรับอากาศเป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าอีกชนิดหนึ่งที่สำคัญสำหรับประเทศไทยซึ่งมีอากาศร้อนตลอดเกือบทั้งปี ไม่ว่าจะเป็นที่พักอาศัยส่วนบุคคล อาคาร ตึกหรือห้างสรรพสินค้าต่างต้องให้ความสำคัญกับเครื่องปรับอากาศทั้งสิ้น และสำหรับใครที่ไม่รู้ว่าควรจะเลือกแบรนด์เครื่องปรับอากาศใดมาติดตั้งดี ในวันนี้เราก็ได้รวบรวม 6 ยี่ห้อชั้นนำมาไว้ที่นี่เรียบร้อย

1.เครื่องปรับอากาศยี่ห้อ GREE

GREE เป็นหนึ่งในแบรนด์เครื่องปรับอากาศระดับโลกที่มาแรงแซงโค้งหลายๆ ยี่ห้อด้วยกัน มีการเติบโตอย่างรวดเร็วในตลาดเครื่องปรับอากาศประเทศจีน ปัจจุบันมีฐานการผลิตอยู่ 9 แห่งทั่วโลกด้วยกัน โดยแบ่งเป็นภายในประเทศจีน 6 แห่งและในส่วนของต่างประเทศ 3 แห่งด้วยกันคือประเทศบราซิล, ปากีสถานและเวียดนาม เครื่องปรับอากาศ GREE มีการใช้เทคโนโลยีระดับสูงในการพัฒนาสินค้า มีทั้งเครื่องปรับอากาศสำหรับที่พักอาศัยและการใช้เชิงพาณิชย์ มาในราคาน่ารัก สามารถจับต้องได้ง่ายๆ คุณภาพสมราคา มัดใจผู้ใช้งานและสร้างความไว้วางใจให้กับผู้บริโภคทั่วโลก

2. เครื่องปรับอากาศยี่ห้อ YORK

เครื่องปรับอากาศยี่ห้อ YORK เป็นเครื่องปรับอากาศสัญชาติอเมริกาที่ได้รับความนิยมในประเทศไทยเช่นกัน โดดเด่นในเรื่องของความเย็นที่มาอย่างรวดเร็วและคงที่ รวมถึงมีความคงทนสามารถใช้ได้อย่างยาวนาน สำนักงานขนาดใหญ่มักนำเครื่องปรับอากาศยี่ห้อนี้เข้าไปติดตั้ง แม้ราคาจะสูงแต่ก็ถือว่าคุ้มค่ากับระยะเวลาที่ใช้งานได้ สำหรับยี่ห้อนี้ถูกก่อตั้งมานานกว่า 140 ปี ได้รับการยอมรับจากมาตรฐานมากมายทั่วโลกอีกทั้งยังใส่ใจในเครื่องของก๊าซเรือนกระจกอีกด้วย

3. เครื่องปรับอากาศยี่ห้อ DAIKIN

เทคโนโลยีล้ำสมัย นวัตกรรมเพื่อความสะดวกสบายของผู้บริโค ผนวกกับความใส่ใจ เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมเป็นสิ่งที่เครื่องปรับอากาศยี่ห้อ DAIKIN ให้ความสำคัญมากกว่าใคร ด้วยเหตุนี้ยี่ห้อดังกล่าวจึงเป็นอีกยี่ห้อหนึ่งที่เราคุ้นหูกัน เครื่องปรับอากาศสัญชาติญี่ปุ่นนี้มีฐานผลิตอยู่ในประเทศไทย ทำให้ราคาอยู่ในระดับปานกลางแต่คุณภาพเต็มเปี่ยม เป็นที่นิยมในแถบเอเชียอย่างมาก

4. เครื่องปรับอากาศยี่ห้อ Carrier

อีกหนึ่งยี่ห้อที่อาคารขนาดใหญ่นิยมใช้งานกับก็คือเครื่องปรับอากาศยี่ห้อ Carrier นั่นเอง ยี่ห้อนี้โดดเด่นในเรื่องของความทนทาน สามารถเปิดติดต่อกันได้เป็นระยะเวลานานโดยที่ตัวเครื่องไม่มีปัญหาใดๆ ก่อตั้งในประเทศอเมริกาถือว่าเป็นหนึ่งในผู้นำด้านเครื่องปรับอากาศระดับโลก ได้รับความไว้วางใจจากผู้เชี่ยวชาญมากมาย

5. เครื่องปรับอากาศยี่ห้อ Mitsubishi Electric

อีกหนึ่งยี่ห้อที่หลายคนคงเคยได้ยินชื่อกันก็คือเครื่องปรับอากาศยี่ห้อ Mitsubishi Electric ราคาเป็นมิตรตามสไตล์แอร์ญี่ปุ่น โด่งดังทั่วโลก เย็นเร็ว เย็นไวและมีนวัตกรรมที่ทำให้เสียงแอร์เงียบ ไร้เสียงรบกวน รวมถึงยังประหยัดไฟเมื่อเทียบกับหลายๆ ยี่ห้อ นิยมติดตั้งภายในบ้านมากกว่าอาคารขนาดใหญ่

6. เครื่องปรับอากาศยี่ห้อ Amena

เครื่องปรับอากาศ Amena เป็นแอร์สัญชาติไทยแท้ ราคาถูก แต่คุณภาพจัดเต็ม มีทีมวิจัยเป็นของตัวเองคอยพัฒนาเครื่องปรับอากาศอย่างต่อเนื่อง มีการใช้สารทำความเย็นที่ช่วยประหยัดพลังงาน กำหัวใจสายรักสิ่งแวดล้อม แน่นอนว่าเป็นที่ยอมรับทั้งจากคนในและต่างประเทศ

เรียกได้ว่าแต่ละยี่ห้อก็มีเรื่องราวที่แตกต่างกันไป แน่นอนว่าในเรื่องของราคาก็เช่นกัน หากใครที่กำลังหาซื้อเครื่องปรับอากาศไปใช้ส่วนตัวหรือต้องการซื้อเป็นจำนวนมากเพื่อกิจการห้างร้านแล้วละก็ สามารถติดต่อบริษัท สยามแอร์คอนดิชั่น จำกัด ได้ทันทีผ่านทาง Offical line id : @siam-air ทางเรามีเครื่องปรับอากาศจำหน่ายทุกยี่ห้อไม่ว่าจะค้าปลีกหรือค้าส่ง บริการติดตั้ง ซ่อมแซม และขายอะไหล่ต่างๆ ในราคาถูก ให้บริการจากผู้ชำนาญการด้านเครื่องปรับอากาศโดยเฉพาะมานานกว่า 30 ปี

มาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ เป็นข้อกำหนดทางวิชาการที่ใช้เป็นเกณฑ์วัดระดับฝีมือ ความรู้ ความสามารถ และทัศนคติในการทำงาน ของผู้ประกอบอาชีพในสาขาต่างๆ

มาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ แบ่งออกเป็น 3 ระดับ

ระดับที่ 1 ผู้ที่มีฝีมือและความรู้ พื้นฐาน ในการทำงาน ปฏิบัติงานภายใต้คำแนะนำของหัวหน้า

ระดับที่ 2 ผู้ที่มีฝีมือระดับกลาง มีความรู้ความสามารถ ทักษะการใช้เครื่องมืออุปกรณ์ได้ดีและมีประสบการณ์ในการทำงาน สามารถให้การแนะคำผู้ใต้บังคับบัญชาได้

ระดับที่ 3 ผู้ที่มีฝีมือระดับสูง สามารถวิเคราะห์ ตัดสินใจแก้ปัญหา นำความรู้และทักษะมาประยุกต์ใข้กับเทคโนโลยีใหม่ได้

สมาคมผู้ค้าเครื่องปรับอากาศไทย ได้รับการแต่งตั้งจากกรมพันาฝีมือแรงงาน ให้เปิดเป็นศูนย์ทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงาน สาขาช่างเครื่องปรับอากาศในบ้านและการพาณิชย์ขนาดเล็กระดับ 1

คุณสมบัติของผู้เข้ารับการทดสอบ

1. อายุไม่ต่ำกว่า 18 ปีบริบูรณ์นับถึงวันเข้ารับการทดสอบ

2. มีประสบการณ์การทำงานหรือประกอบอาชีพเกี่ยวกับสาขาอาชีพช่างเครื่องปรับอากาศภายในบ้านและการพาณิชย์ขนาดเล็กไม่น้อยกว่า 1 ปี หรือ

3. ผ่านการฝึกฝีมือแรงงานหรือฝึกอาชีพ ในสาขาอาชีพช่างเครื่องปรับอากาศภายในบ้านและการพาณิชย์ขนาดเล็ก ไม่น้อยกว่า 60 ชั่วโมง และมีประบการณ์จากการฝึกหรือปฏิบัติงานในกิจการในสาขาที่เกี่ยวข้องไม่น้อยกว่า 300 ชั่วโมง หรือ

4. เป็นผู้ที่จบการศึกษาไม่ต่ำกว่าระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพ ในสาขาที่เกี่ยวข้องกับอาชีพนี้

สนใจสามารถติดต่อเพื่อขอเข้ารับการทดสอบได้ที่ สมาคมผู้ค้าเครื่องปรับอากาศไทย โทร 02-712-4480, 084-335-3300

การออกแบบโรงเพาะปลูกกัญชานั้นต้องควบคุมปัจจัยสภาพแวดล้อมเพื่อให้เกิดการจริญเติบโตที่ดีที่สุดและ
ผลผลิตที่มีคุณภาพเพื่อนำไปสกัดเป็นผลิตภัณฑ์ทางการแทพย์ปัจจัยที่ต้องควบคุมในการเพาะปลูก 6 ปัจจัยหลัก

cannabis-grow-room-storage-room re.01
   

Grow-Lights Re.01

1. แสง (Light)

เมื่อปลูกกัญชา คุณต้องการให้แสงที่สว่างที่เหมาะสมแต่ไม่สว่างเกินไป ปริมาณแสงที่คุณให้เป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญ
ที่จะเป็นตัวกำหนดการเจริญเติบโต แสงยังเปลี่ยนวิธีการเติบโตของพืช ตัวอย่างเช่น สเปกตรัมสีของแสงอาจทำให้
พืชของคุณสูง และเป็นพุ่มและหมอบมากขึ้น ไฟบางชนิดเช่น LED เติบโตไฟใช้ประโยชน์จากสเปกตรัมสีที่กำหนด
เองเพื่อช่วยให้พืชของคุณเติบโตอย่างเหมาะสมที่สุด

2.อุณหภูมิ Temperature

พีชกัญชาชอบอุณหภูมิในช่วง (19-30 C) และอาจเริ่มมีปัญหาเมื่อพีชกัญชาอุณหภูมินอกเหนือจากช่วงนี้หากห้องปลูกของคุณรู้สึกอบอุ่นหรือเย็นชื้นหรือแห้งนั่นเป็นสัญญานว่าคุณอาจต้องการพิจารณาการเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิหรือความชื้นของพื้นที่ปลูกโยทั่วไปพืชกัญชาชอบอุณหภูมิในช่วง (19-30 C) ในระหว่างวันที่เปิดไฟเมื่อปิดไฟเติบโต (“กลางคืน”)พืชกัญชาจะมีความสุขกับอุณหภูมิที่เย็นลงเล็กน้อยระยะออกดอก: ในระยะออกดอก(เมื่อต้นกัญชาเริ่มสร้างตา)weed-temp
ควรรักษาอุณหภูมิให้เย็นลงเล็กน้อยประมาณ (18-26 C) สิ่งนี้ไม่ได้มีไว้สำหรับพืชในตัวเองมากเท่าที่จะมั่นใจได้ว่าจะได้คุณภาพตาที่ดีที่สุดอุณหภูมิที่เย็นลงเล็กน้อยในช่วงครึ่งหลังของรยะออกดอกช่วยให้เกิดสีตาที่ดีที่สุดการผลิตไตรโฮมความหนาแน่นและกลิ่น ในการดึงสีออกมาอย่างแท้จริงให้ตั้งเป้าหมายที่ตวามแตกต่าง(8 C) ระหว่างกลางวันและกลางคืน

 

 

 

3.การไหลเวียนของอากาศ Air Circulation

ตรวจสอบให้แน่ใจว่าต้นกัญชามีลมพัดอ่อนๆ อยู่เสมอและอากาศบริสุทธิ์จะที่ช่วยให้เติบโตได้เร็วขึ้นการไหลเวียนของอากาศที่ดียังช่วยป้องกันปัญหาโรคราแป้งสีขาวโรคตาเน่าและแมลงศัตรูกัญชาทั่วไปเช่นเชื้อราริ้นหรือไรเดอร์ โดยพื้นฐานแล้วให้สายลมอ่อนๆเคลื่อนผ่านผ่านและใต้ต้นไม้ของคุณถ้าเป็นไปได้ หากใบทั้งหมดถูกทำให้เป็นลมเบาๆ ก็สมบูณรณ์แบบ คุณไม่ต้องการชี้พัดลมไปที่ต้นไม้ของคุณโดยตรงเพราะอาจทำให้เกิดลมได้แต่คุณไม่ต้องการให้ใบไม้นั่งอยู่ในอากาศนิ่งหรือร้อน พัดลมสั่นขนาดเล็กสองตัวในพื้นที่เติมโตสามารถทำงานได้อย่างดีเยี่ยม หนอกเหนือจากการตรวจสอบ ให้แน่ใจว่ามีอากาศเคลื่อนที่ไปมาในพื้นที่ปลูกแลวการระบายความร้อนออกจากไฟปลูกยังเป็นสิ่งสำคัญโดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าพืชของคุณร้อนเกินไปในระหว่างที่เปิดไฟในขณะที่ผู้ปลูกจำนวนมากรู้ว่าAir-Flowพวกเราต้องการระบายอากาศด้วยไฟ HPS ที่ทรงพลังแต่สิ่งสำคัญคือต้องทราบว่าการระบายอากาศอาจมีความสำคัญเช่นเดียวกับไฟ LED,LEC และแม้แต่หลอดฟลูออเรสเซนต์เช่น CFL หรือ T5 หากกำลังไฟฟ้ารวมสูงพอสำหรับไฟแต่ละประเภทยิ่งวัตต์สูงก็ยิ่งเกิดความร้อนมากขึ้น หากคุณสังเกตเห็นว่าคุณหภูมิสูงกว่า 85 F (30 C) เป็นประจำคุณควรพิจารณาระบายความร้อนออกจากพื้นที่ปลูกเพื่อนให้อุณหภูมิอยู่ภายใต้การควบคุม
อย่างไรก็ตามหากอุณหภูมิโดยรวมของห้องปลูกทั้งหมดสูงเกินไปคุณอาจต้องดำเนินการที่รุนแรงมากขึ้นเช่นการรับ AC พัดลมสามารถเคลื่อนย้ายอากาศไปรอบๆได้ แต่ไม่สามารถลดปริมาณความร้อนทั้งหมดในห้องได้

 

4.การสะท้อนแสง Reflection

ประโยชน์สูงสุดจากแสงไฟในร่มของคุณโดยการสะท้อนแสงที่ต้นกัญชา แทนที่จะปล่อยให้ผนังของพื้นที่ปลูกดูดซับแสงพิเศษจากแสงที่เติบโตคุณสามารถใช้วัสดุสะท้อนแสงเพื่อสะท้อนกลับเข้าหาต้นกัญชาของคุณ สิ่งนี้ช่วยให้คุณสามารถบีบผลผลิตได้มากขึ้นจากแสงที่เติบโตเท่าเดิมโดยไม่ต้องเปลี่ยนแปลงสิ่งอื่นLightใดเกี่ยวกับสภาพแวดล้อม สีลาเท็กซ์สีขาวเรียบเป็นวัสดุผนังที่มีราคาถูกและใช้งานง่ายซึ่งมีการสะท้อนแสง 85-95% ใช่มันเป็นเรื่องจริงเพียงแค่ทาสีผนังของคุณก็สามารถเพิ่มผลตอบแทนของคุณได้!นอกจากนี้ยังมีวัสดุอื่นๆอีกมากมายที่มีการสะท้อนแสงที่ดีเยี่ยมและตัวเลือกระดับมืออาพีชบางอย่างก็ใช้ได้ดีกว่าการทาสีด้วยซ้ำ

5.ความชื้น Humidity

โดยปกติแล้วควมาชื้นจะไม่ก่อให้เกิดปัญหาสำคัญใดๆ กับการเติบโตของกัญชาอย่างไรก็ตามมีเทคนิคบางประการเกี่ยวกับความชื้นเพื่อให้เจริญเติบโตได้เร็นขึ้นและมีการผลิตเรซิน (Resin)
หมายเหตุ: ความชื้นของต้นกล้าที่ดีที่สุดอยู่ใกล้กับพืชพันธุ์มากกว่าโคลนนิ่งพยายามหลีกเลี่ยงไม่ให้ต้นกล้ามีความชื้นเกิน 60% มิฉะนั้นจะทำให้การเจริญเติบโตช้าลง

 

6. คาร์บอนไดออกไซด์ (Co2)

การใช้ Co2 ในการเพาะปลูก จะให้ผลผลิตมากขึ้นและเติบโตเร็วขึ้น ในการให้ความชื้นและพลังงานจำนวนหนึ่ง ในใบตลอดเวลาและ Co2 ช่วยในการดึงพลังงานนั้นออกมาเพื่อช่วยให้พืชของคุณเจริญเติบโต การปลดล็อกพลังงานที่เก็บไว้นั้นผู้ปลูกส่วนใหญ่ยอมรับว่าจะได้รับผลผลิตเพิ่มขึ้นประมาณ 20-30% และมีความเร็วในการเติบโตอย่างน้อย 15%